ระบบ Cloud ถูกใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพื่อเก็บข้อมูล และประมวลผล ระบบ Cloud ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นขาดเล็ก กลาง ใหญ่ ให้มีความยืดหยุ่น รองรับการขยายตัว และยังสามารถรองรับการทำงานได้ทุกรูปแบบ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต โทรศัพท์เคลื่อนที่ เมื่ออุปกรณ์ดังกล่าวได้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแล้ว ข้อมูลต่างๆจะถูกเก็บไว้บน Cloud และระบบ Cloud ของเราบริการเว็บไซต์บนเวิร์ฟเวอร์ ที่สามารถดึงทรัพยากรของระบบคอมพิวเตอร์จากเครือข่ายของ physical web servers สามารถดูแลรักษาความปลอดภัยข้อมูลของลูกค้าได้ด้วยระบบความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือ การใช้ Disaster recovery site ในกรณีฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นกับข้อมูลลูกค้า และยังมีบริการนำ platform ของลูกค้าขึ้น Cloud server ของต่างประเทศ
ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และบริการที่ถูกเก็บรักษาบนเครือข่ายที่ใช้ภายในองค์กร อยู่ภายใต้การปกป้องข้อมูลของ firewall ประโยชน์ของ private cloud ช่วยให้องค์กรมีความคล่องตัว ยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังยกระดับความสามารถในการควบคุมข้อมูล และความปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูล private cloud เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องการเก็บข้อมูลให้มีความถูกต้องแม่นยำ และอีกประโยชน์ที่สำคัญของระบบ private cloud คือสามารถปรับแต่งการคำนวณ การจัดเก็บข้อมูล และระบบเครือข่าย
ระบบ cloud ที่มีผู้ให้บริการ data center กับบุคคลที่สาม ผู้ใช้งานไม่ต้องไปจัดการ หรือแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะข้อมูลของผู้ใช้งานถูกเก็บไว้ในศูนย์ข้อมูลของผู้ให้บริการ และผู้ให้บริการจะมีหน้าที่จัดการ และเก็บข้อมูลของผู้ใช้บริการในศูนย์ข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบ public cloud เป็นที่สนใจของหลายๆองค์กร เพราะต้นทุนต่ำ ลดระยะเวลาในการทดสอบ และพัฒนาสินค้า หรือบริการใหม่ๆ
ระบบคอมพิวเตอร์สำรองฉุกเฉิน เป็นสถานที่ในการสำรองข้อมูลเมื่อเกิดความเสียหายเนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการกระทำของมนุษย์ของระบบหลัก DR siteสามารถใช้งานแทนระบบหลักได้ชั่วคราว เพื่อให้เกิดความพร้อมในการใช้งานได้ตลอดเวลา และความปลอดภัยของข้อมูล จนกระทั้งสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบหลักให้ใช้งานได้ตามปกติ DR Site มักจะอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับระบบหลัก เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดความผิดพลาดที่เกิดจากภัยพิบัติเดียวกัน และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยที่สูงสุดเมื่อเกิดความล้มเหลวของระบบหลักจากภัยพิบัติ
ด้วยวิวัฒนาการที่ไปอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมไอที ทุกการใช้งาน
บริการ และทุกอุปกรณ์ จะถูกเชื่อมต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ต กับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น BYOD (Bring Your Own
Device), IoT (Internet of Things), cloud และสิ่งอื่นๆอีกมากมาย
สิ่งเหล่านี้จะนำมาซึ่งประโยชน์มากมายให้กับธุรกิจ ทั้งด้านความสะดวกสบาย และด้านการผลิต
อย่างไรก็ตามด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น
จะทำให้ความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยของระบบเครือข่ายดีมากขึ้นไปด้วย ข้อมูลที่มีความสำคัญ เช่น
ข้อมูลบัตรเครดิต เอกสารลับ และเอกสารสำคัญอื่นๆ ที่เป็นที่สนใจของแฮกเกอร์
หรือคู่แข่งทางธุรกิจเพื่อนำเงินเข้ากระเป๋าตนเอง ในปัจจุบันมีตัวอย่างมากมาย เช่น Ransomware
(เป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อเรียกค่าไถ่เหยื่อ โดยเฉพาะ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการคลิก link อันตราย
หรือไปดาวน์โหลดไฟล์ ที่แนบในอีเมลเพื่อเปิดเอกสารแต่กลายเป็นพวกมัลแวร์อันตราย
จะมีข้อความปรากฎว่าให้จ่ายเงินตามจำนวน และเวลาที่กำหนด
ถ้ายอมจ่ายจะได้ตัวถอดรหัสไฟล์มาเพื่อถอดรหัสที่คนร้ายทำการเข้ารหัสเอาไว้)
ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตที่น่าตกใจ ที่ได้รับการพัฒนาอยู่เสมอ
ระบบการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายคือการลงทุนที่สูงแต่ได้รับผลตอบแทนน้อย
แต่ระบบการรักษาความปลอดภัยแบบเดิมกว้างเกินไปที่จะป้องกันจำนวนที่เพิ่มขึ้นของช่องโหว่
ซึ่งสามารถป้องกันได้แค่ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น
แนวคิดของระบบรักษาความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตกำลังเติบโตมากขึ้น
เพื่อให้ระบบมีความสมบูรณ์ และครบวงจร
เพื่อป้องกันผู้ใช้จากภัยคุกคามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามทั้งจากภายใน หรือภายนอกระบบ
ภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน หรือกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลรักษาความปลอดภัยข้อมูลของคุณไปสู่อนาคต
แนวคิดเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต มี 4
ปัจจัยพื้นฐานที่เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธทางการตลาด
จุดเด่นของสินค้า
การแสดงผลการรักษาความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยจะเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นทั้งแบบถูกกฏหมาย และผิดกฏหมาย
ถึงแม้ว่าจะเป็นโดเมนที่น่าเชื่อถือก้อตาม ผู้ใช้งานไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด
เพราะมีความเป็นไปได้เสมอที่จะถูกโจมตี
เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าการเเสดงผลของระบบเครือข่ายทั้งหมดเป็นพื้นฐานของการจัดการระบบเครือข่าย
เราต้องการเห็นของมูลของความเสี่ยงที่มีต่อทรัพย์สิน ผู้คน และพฤติกรรมต่างๆ ดังนั้นเราจึงจำแนกความเสี่ยง
และการควบคุมความเสี่ยงต่างๆ ด้วยเครื่องมือรายงานผลของ Nextgen Firewall ที่อยู่ในตัวมันเอง
(ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ) ผู้ใช้งานสามารถดูภาพรวมทั้งหมดของระบบเครื่อข่ายขององค์ตนเองได้อย่างง่ายดาย
ผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลที่อยากจะให้แสดงได้ เช่น ใครเป็นผู้ใช้งานออนไลน์บ้าง เซิร์ฟเวอร์
ความผิดปกติที่เกิดขึ้น สถานะการถูกจู่โจม และแหล่งที่มาของการโจมตี
การวิเคราะห์อย่างมีประสิทธิภาพ และการนำเสนอ : สถานะความเสี่ยง | วิเคราะห์ข้อมูล |
การแสดงผลแบบกราฟฟิก
ทัศนวิสัย : ผู้ใช้งาน | พฤติกรรมการใช้งาน | ธุระกิจ
การดำเนินการรักษาความปลอดภัย และการบำรุงรักษา
สำหรับหลายบริษัทที่มีทั้งขนาดเล็ก
และขนาดกลางที่ไม่มีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัย
ไม่มีระบบการจัดการความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตถือว่าเป็นฝันร้ายสำหรับองค์กรเป็นอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ระบบการรักษาความปลอดภัยเเบบเก่า โดยปราศจากเครื่องมือที่มีความชาญฉลาด
และมีการรายงานผลอัตโนมัติ แต่สำหรับ Nextgen Firewall ไม่ได้มีแค่ความน่าเชื่อถือเพียงอย่างเดียว
แต่ยังมีการใช้งานที่ง่ายอีกด้วย ง่ายต่อการพัฒนา และ O&M (ดำเนินงาน และบำรุงรักษา)
ที่เป็นกุญแสำคัญที่ทำให้เกิดประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุด พวกเขาจะตรวจสอบทุกการรายงานอย่างละเอียด
และหาภัยคุกคามที่เกิดขึ้นจริงจำนวนพันความเสี่ยงในการแจ้งเตือน แต่ในการแจ้งเตือนแต่ละครั้ง
หลายๆความเสี่ยงถูกมองข้ามไป
และนั้นก็ทำให้การค้นหาภัยคุกคามแบบนี้จะทำให้ฝ่ายไอทีเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ในการหาวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกวิธีโดยปราศจากความรู้
วิธีนี้จะนำไปสู่การสูญเสียทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์
และที่สำคัญความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจะนำมาซึ่งความสูญเสีย และส่งผลร้ายต่อชื่อเสียงขององค์กร
Nextgen Firewall คือ
การใช้เครื่องมือที่จะช่วยแก้ปัญหาด้วยการปรับใช้ให้มีความง่ายต่อการใช้งาน
ฝ่ายไอทีสามารถเพิ่ม หรือปรับเปลี่ยนกฎการใช้งาน สามารถมองเห็น และสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลา
ฝ่ายไอทีสามารถตรวจสอบระบบความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ต ก่อนที่ระบบจะออนไลน์
และทำให้แน่ใจว่าไม่เกิดช่องโหว่บนระบบอินเตอร์เน็ต
การตรวจสอบแบบ Real-Time และตอบสนองอย่างรวดเร็ว
การตรวจสอบแบบ real-time
สามารถตรวจจับได้เพียงแค่สิ่งที่จะเข้ามาโจมตีก่อนที่มันจะสามารถเข้ามาในระบบเครื่อข่ายเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบแบบ real-time ยังคำนึงถึงการโจมตีที่สามารถผ่านระบบรักษาความปลอดภัยเข้ามาได้
Nextgen Firewall สามารถตรวจจับภัยคุกคามแบบ real-time ได้ในทุกขั้นตอน
และมีการตอบสนองอย่างรวดเร็วในการจัดการกับภัยคุกคามเหล่านั้น การเตือนภัยที่เกิดจากการคุกคาม
และการแจ้งเตือน : ทุกภัยคุกคามบนระบบเครือข่ายจะถูกจดบันทึกรายการความเสี่ยงเอาไว้ตามระดับ
และสถานะการป้องกันของภัยคุกคาม ภัยคุกคามที่อันตรายจะแสดงรายละเอียด
และคำแนะนำในการจัดการกับภัยคุกคามนั้นๆด้วย
การประเมินความเสี่ยง : ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถประเมินระดับการป้องกันบนระบบเครือข่าย
และเพื่อเปรียบเทียบก่อน/หลังในการทำรายงาน
Cloud Sandbox : Nextgen Firewall มี Cloud Sandbox
เป็นของตนเองเพื่อเป็นเครื่องมือในการช่วยผู้ใช้งานแยกเมื่อเกิดภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่
ที่ยังไม่ได้ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลความปลอดภัย
ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการต่อต้านการเกิดการคุกคาม
มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยสูงสำหรับ Application Layer
ประมาณ 75 เปอร์เซ็นของการเกิดการโจมตีเกิดขึ้นที่ Application Layer
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรเพื่อให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาได้ใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ
เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ
แต่น่าเสียดายที่ลูกค้าบางคนทิ้งโอกาศดีๆที่จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรของตนในอนาคต
และนี้จะนำมาสู่การถูกโจมตีผ่านระบบการรักษาความปลอดภัยแบบเก่าเพื่อความสำเร็จในการรักษาความปลอดภัยของ
Application Layer ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ขั้นตอนการตรวจสอบ โครงสร้างของซอฟแวร์ การปฏิบัติการ
และความสามารถในการประมวณผล นี้คือวิธีที่ทำให้ Nextgen Firewall
เหนือกว่าด้านเทคโนโลยีที่สามารถเอาชนะการแก้ปัญหาแบบทั่วไปได้
โครงสร้างการทำงานของฮาร์ดแวร์ :
เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานทุกๆรูปแบบการรักษาความปลอดภัย เช่น WAF
(Web Application Firewall), AV (Anti-Virus), IPS (Intrusion Prevention System) และ FW (Firewall)
ให้สามารถประมวลผลได้ในเวลาเดียวกัน ด้วยความสามารถในโครงสร้างการทำงานของฮาร์ดแวร์ Nextgen Firewall
ซึ่งตัว Intel สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วมีการเชื่อมต่อระบบปฏบัติการแบบ Multi-Core Level Processing และ
Hybrid Processing Model
โครงสร้างการทำงานของซอฟแวร์ :
ทรัพยากรในองค์กรจะไม่สูญเปล่าด้วยเทคโนโลยีที่ปฎิบัติการในทุกการทำงาน เช่น
การสำเนาข้อมูลบนระบบเครือข่าย การตัดข้อมูลบางส่วนออก และการสืบหาข้อมูลบางส่วน และได้จดสิทธิบัตร REGEX
engine เพื่อให้ให้มีความรวดเร็ว และการรักษาความปลอดภัยมีความยืดหยุ่นต่อผู้ใช้งาน
การแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่างๆ
Internet Gateway: ภัยคุกคามที่สามารถผ่านการตรวจสอบได้
จากการรักษาความปลอดภัยแบบเดิมๆ Nextgen Firewall
สามารถทำงานได้ทั้งตรวจสอบแบบเจาะลึก และมีทั้งเทคโนโลยีวิเคราะห์พฤติกรรมการโจมตี
เครื่องมือการรายงานแบบกราฟฟิกที่มีอยู่(ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ)จะทำให้ผู้ใช้งานเข้าใจในความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ
ซึ่งจะมีการแสดงผลในทันที Nextgen Firewall ยังสามารถตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และค้นหาภัยคุกคามขั้นสูงด้วย Cloud Sand-boxing และ Anti-Malware
Branch : ความสามารถในการมองเห็น ควบคุม และจัดการระบบเครือข่าย WAN
วิธีการแก้ปัญหาวิธีนี้ไม่ได้ทำให้ประสิทธิในการรักษาความปลอดภัยของ WAN
เพิ่มขึ้น
แต่มันจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจความเสี่ยงของแต่ละแผนกแบบ real-time
มากขึ้นเช่นเดียวกับการหลีกเลี่ยงแต่ละแผนกไม่ให้กลายเป็นจุดอ่อนให้เกิดการโจมตีเนื่องจากการรักษาความปลอดภัยที่หละหลวม
แต่ด้วย Nextgen Firewall ผู้ใช้งานจะรู้ได้เลยว่า จะมีการจัดการจากส่วนกลาง มีการทำงาน
และบำรุงรักษาแบบอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
DMZ : การรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร
วิธีการแก้ไขปัญหานี้ไม่ได้ช่วยแค่ป้องกันการใช้งานแบบสาธารณะกับผู้ใช้กับภัยคุกคามประเภทต่างๆบนระบบเครือข่าย/application
layer แต่ยังช่วยแก้ปัญหาบนเว็บเพจให้ลดน้อยลง เว็บ trojans และการรั่วไหลของข้อมูล
แม้แต่การป้องกันการทางอ้อมด้วย เมื่อเปรียบเทียบกับการแก้ปัญหาเว็บไซต์เพจแบบเก่า Nextgen Firewall
สามารถต่อต้านการโจมตีบนเว็บได้ทุกประเภท และป้องกันเว็บไซต์ของธุรกิจกันอย่างมีประสิทธิภาพ
2nd-Tier Firewall
ในปัจจุบันความเสี่ยงบนโลกไซเบอร์ทำให้การรักษาความปลอดภัยมีการเจริญเติบโตมากขึ้น
เช่นเดียวกับโครงสร้างพื้นฐานของระบบการรักษาความปลอดภัย
ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ๆสามารถหลบหลีกการป้องกันแบบเก่า อีกหนึ่งวิธีคือการป้องกันขอบเขตด้านนอก
ความเสี่ยงจากมัลแวร์ที่สามารถเอาผลประโยชน์จากระบบเครือข่ายภายในออกไปใช้งาน ทำให้เกิดผลกระทบร้ายเเรง
การขโมยข้อมูล และแม้กระทั้งการเพิ่มจำนวนของ APT (ประเภทหนึ่งของการอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
ที่มีเป้าหมายเพื่อโจมตีหน่วยงานที่มีข้อมูลสำคัญ)
เพื่อให้ความเสี่ยงทางธุรกิจที่เกิดจากภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ลดน้อยลง
ในการป้องกันความเสี่ยงจะต้องจัดให้อยู่ด้านบนของขอบเขต firewall เพื่อแบ่งหน้าที่ และป้องกันความเสี่ยง
เพื่อต้องการที่จะป้องกันความเสี่ยงทั้งหมด ลดจำนวนความเสี่ยงลง ง่ายต่อการพัฒนา
และเพื่อทำให้การลงทุนคุ้มค่าที่สุด
บริษัทเราบริการนำ Platform ขึ้น cloud service ของบริษัทต่างประเทศ เช่น Microsoft Assure, Amazon Web Service และ Google Cloud โดยผ่านบริการซึ่งเรียกว่า Smart Circuit